คำตอบจาก นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล  ประธานกรรมการ

 ขอบคุณคำแนะนำจาก สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย บริษัทจะนำไปพิจารณา โดยจะพิจารณาร่วมกับสถานการณ์ในแต่ละปี และการปฎิบัติของบริษัทจดทะเบียนรายอื่น

 ช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะถดถอย หนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ระดับสูง รวมถึงจากการเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ จึงส่งผลกระทบกับการซื้อรถยนต์ใหม่ จึงมีการคาดการณ์ว่าจะมีปรับลดยอดการจำหน่ายรถยนต์ลงประมาณร้อยละ 15 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนครึ่งปีหลัง จากมาตรการการแก้ไขและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมาได้

 ตามที่บริษัทอธิบายการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ จำนวน 20 บาทต่อหุ้น โดยแบ่งเป็นการจ่ายจากผลดำเนินงานปกติ จำนวน 10 บาทต่อหุ้น และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในการเข้าร่วมเป็นกลุ่มสแตนเลย์ทั่วโลก หรือ One Stanley  อีกจำนวน 10 บาทต่อหุ้น  โดยนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ คือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีประจำปี (งบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการ)  ซึ่งบริษัทจะยังคงยึดตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลนี้ สำหรับการจ่ายเงินปันผลในปีหน้าจะขึ้นอยู่สถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารจะพยายามสร้างผลประกอบการที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่าน

 บริษัทจะมีการลงทุน สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นประเภทอุปกรณ์และเครื่องจักร

 บริษัทไม่มีการตั้งสำรองหนี้เสีย เนื่องจากไม่มีหนี้เสีย ลูกค้าทุกรายมีวินัยในการชำระเงินอย่างยิ่ง ที่ผ่านมามีเพียงการจ่ายเงินล่าช้า 1 – 2 เดือน ซึ่งเป็นปกติธุรกิจ จึงถือได้ว่าบริษัทไม่มีหนี้เสีย

 ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแนวคิดและนโยบายในการแตกพาร์ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เคลื่อนไหวราคาหุ้น เห็นว่าปรับตัวดีขึ้นแล้ว

 ผู้ผลิตสัญชาติจีนมาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดแล้วประมาณร้อยละ 10
สำหรับนโยบายการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด บริษัทและกลุ่มสแตนเลย์ทั้งหมดจะช่วยกันพิจารณาหาแนวทางและจัดทำนโยบายต่อจากนี้ไป

 ลูกค้าหลักของเวียดนามสแตนเลย์ เป็น ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่ อาทิ ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ  และเริ่มมีผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น อาทิ โตโยต้า